วันก่อนมีแฟนเพจสอบถามมาเกี่ยวกับข้อควรระวังที่เขียนบนฉลากช่วยยาอาปราคัวร์ ว่าทำไมจึงไม่ควรใช้ในผู้ป่วยเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง วันนี้แอดมินจะมาไขข้อสงสัยให้ทราบกันค่ะ เผื่อมีแฟนเพจท่านอื่นอาจสงสัยคล้ายๆกับแฟนเพจท่านนี้…
มาทำความรู้จักกับยาอาปราคัวร์ กันก่อนดีกว่า
อาปราคัวร์ (Apracur) เป็นยาสูตรผสม ใช้สำหรับบรรเทาอาการไข้, ไข้หวัดที่มีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย และลดน้ำมูกในไข้หวัด 1 แผงจะบรรจุยาในแผงฟอยล์ ทั้งหมด 4 เม็ด โดยใน 1 เม็ดจะประกอบไปด้วยตัวยาดังนี้
- Phenylephrine hydrochloride 10 mg
- Clemizole hydrochloride 20 mg
- Salicylamide 150 mg
- Paracetamol 200 mg
ข้อบ่งใช้ คือ ผู้ใหญ่ รับประทานวันละ 3-6 เม็ด โดยแบ่งรับประทานเป็น 3 ครั้ง ทั้งนี้แล้วแต่อาการป่วยจะมากหรือน้อย ส่วนเด็กอายุ 10-14 ปี รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2-3 ครั้ง ควรรับประทานยานี้โดยกลืนเม็ดยาพร้อมกับน้ำหลังอาหาร
ทำไมยาอาปราคัวร์ Apracur จึงควรระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
คำตอบคือ เนื่องจากยาอาปราคัวร์ Apracur เป็นยาสูตรผสม ที่มี Phenylephrine(ฟีนิลเอฟรีน) ผสมอยู่ และจากการสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า ยาดังกล่าวเป็นยาประเภท แอลฟา1-แอดริเนอจิก รีเซ็ปเตอร์ อะโกนิส (Alpha 1- Adrenergic receptor agonist) ทำงานเกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อเรียบ ถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ระงับน้ำมูกมากเนื่องจากไข้หวัด ใช้เป็นยาขยายรูม่านตา และสามารถช่วยเพิ่มความดันโลหิตในผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำ
และนอกจากสามารถเพิ่มความดันโลหิตได้แล้ว ยังกระตุ้นให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้อีกด้วย จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมในฉลากช่วยของยาอาปราคัวร์ Apracur จึงห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานนั่นเองค่ะ หากจำเป็นต้องใช้อาจต้องติดตามระดับน้ำตาลในเลือด และวัดความดันโลหิตร่วมด้วย
ซึ่งนอกจากนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่ควรระวังคือ การรับประทานยาอาปราคัวร์ Apracur ร่วมกับยาพาราเซตามอล เนื่องจาก อาจทำให้ได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาด ส่งผลให้ตับพังได้ ดังนั้น สำหรับผู้ที่รับประทานยาอาปราคัวร์ Apracur อยู่แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาพาราเซตามอลจะปลอดภัยที่สุดค่ะ
แปลและเรียบเรียงโดย อยู่กับยา
แหล่งที่มา : Micromedex, haamor