เมื่อพูดถึงมะเร็งที่มาคู่กับผู้หญิง หลายคนมักจะนึกถึงมะเร็งเต้านม แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีมะเร็งอีกหนึ่งชนิด ที่ควรให้ความสำคัญและเฝ้าระวัง นั่นก็คือ มะเร็งปากมดลูกค่ะ จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับสองของมะเร็งในสตรีไทย รองจากมะเร็งเต้านม โดยมีอุบัติการณ์(age-standardized incidence rate; ASR) ประมาณ 18.1 รายต่อประชากรหญิง 100,000 คนต่อปีโดยพบในอัตราแตกต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค
สาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
คือ เชื้อไวรัส ชื่อ ฮิวแมน แปปิลโลมา ไวรัส(Human Papilloma Virus) เรียกสั้นๆว่า เอชพีวี(HPV) หรือ ไวรัสหูดนั่นเอง ไวรัส เอชพีวี มีทั้งหมดกว่า 100 ชนิด แต่ที่ทำให้ติดเชื้ออวัยวะสืบพันธุ์มีประมาณ 30-40 ชนิด ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มเสี่ยงต่ำจะทำให้เกิดการเป็นหูดหงอนไก่ และกลุ่มเสี่ยงสูงจะทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกนั่นเอง
อะไรคือปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
ปัจจัยเสี่ยงของฝ่ายหญิง ที่สำคัญ คือ
- มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย(ต่ำกว่า 18 ปี)
- มีคู่นอนหลายคน
- คลอดบุตรจำนวนหลายคน(มากกว่า 3 คนขึ้นไป)
- เป็นโรคเรื้อรังหรือโรคที่ทำให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ โดยเฉพาะติดเชื้อไวรัส เอชไอวี/โรคเอดส์(HIV/AIDs)
- มีประวัติเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน เช่น เริมหรือหนองใน
- เคยมีความผิดปกติ(การอักเสบเรื้อรัง)ของปากมดลูก โดยตรวจพบจากการตรวจภายใน และจากตรวจเซลล์ปากมดลูก
- สูบบุหรี่
- มีประวัติการใช้ยาฮอร์โมนเพศ ชนิดไดอีธีลสติลเบสทรอล (Diethylstilbestrol เรียกย่อว่า DES/ดีอีเอส) เพื่อป้องกันการแท้งบุตร
- อาจจากขาดสารอาหารบางชนิด เพราะพบว่าผู้หญิงที่รับประทานผักและผลไม้น้อย มีโอกาสเป็นมะเร็งชนิดพบบ่อย รวมทั้งมะเร็งปากมดลูก สูงกว่าคนที่รับประทานผักและผลไม้มาก
- อาจจากมีปัญหาทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเข้าถึงบริการทางสาธารณสุขไม่ทั่วถึงหรือเพราะมีลูกมาก
- อาจจากพันธุกรรม
ปัจจัยเสี่ยงจากฝ่ายชาย ที่เป็นคู่นอน
- มีคู่นอนหลายคน
- มีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เริมและ/หรือหนองใน
- มีประวัติเป็นมะเร็งสืบพันธุ์อวัยวะเพศชาย
- เคยมีคู่นอนที่มีประวัติเป็นมะเร็งปากมดลูก
การตรวจคัดกรอง pap smear คืออะไร
การตรวจ Pap smear เป็นวิธีตรวจปากมดลูกแบบง่ายๆ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าปากมดลูกของคุณอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี โดยแพทย์จะใช้เครื่องถ่างสำหรับตรวจภายใน (Vaginal Speculum) เพื่อเปิดช่องคลอดให้เห็นปากมดลูกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เซลล์บางตัวจะถูกปาดเบาๆ ออกมาจากปากมดลูกของคุณด้วยแปรงเล็กๆ หรือช้อนไม้พาย (แท่งพลาสติกหรือไม้เล็กๆ) เซลล์จะถูกนำไปป้ายบนแผ่นกระจกใส และส่งไปที่ห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะได้รับการตรวจด้วยการส่องกล้องจุลทรรศน์ต่อไป
ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ทุกช่วงอายุ ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเสมอ (Pap smear) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ควรเริ่มตรวจเมื่ออายุประมาณ 21-25 ปีขึ้นไป
หน้ากากคนไข้ ช่วยในการตรวจ Pap smear ได้อย่างไร
เนื่องจากประชาชนมักจะรู้สึกเขินอายเวลาตรวจช่องคลอดด้วยวิธี Pap smear จึงไม่ค่อยกล้ามาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองกรด ตำบลสระแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร จึงได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในการตรวจมะเร็งปากมดลูกเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ด้วยการหาหน้ากากมาให้ประชาชน แพทย์และพยาบาลใส่ ทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่เห็นหน้าของกันและกัน ผลปรากฏว่า ประชาชนมีความกล้ามากยิ่งขึ้น และเดินทางเข้ามาตรวจมะเร็งปากมดลูกมากถึงวันละ 40-50 ราย และจากการเผยแพร่ของสำนักข่าว BBC News ทำให้นวัตกรรมของไทย โด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ
สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้อย่างไร
นอกจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี Pap smear แล้ว ยังมีวิธีป้องกันอย่างอื่นอีกเช่น การมีคู่นอนเพียงคนเดียว และถ้าคู่นอนก็มีคู่นอนคนเดียวด้วยก็จะยิ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากขึ้น การไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย และการใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ก็ช่วยลดความเสี่ยงนี้ด้วยเช่นกัน และการฉีดวัคซีนเอชพีวี (HPV vaccine) ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังรณรงค์ให้ฉีดฟรีในเด็กอายุ 11 ปี ซึ่งเป็นวัยเหมาะสมที่สุดในการรับวัคซีน
แปลและเรียบเรียงโดย อยู่กับยา
แหล่งที่มา : BBC News, workpointtv