เวลาท้องเสีย.. หลายครั้งที่แพทย์สั่งยา Norfloxacin ให้คนไข้กลับมารับประทานที่บ้าน และเภสัชกรมักจะแนะนำคนไข้ว่า “ยาตัวนี้ ไม่ควรรับประทานพร้อมกับนม แคลเซียม ธาตุเหล็กหรือยาลดกรด” แล้วเคยสงสัยมั้ยคะว่า ทำไม? ถึงไม่ควรรับประทานพร้อมกับนม แคลเซียม ธาตุเหล็กหรือยาลดกรด วันนี้ทีมงานอยู่กับยาจะมาไขข้อข้องใจให้ทราบกันค่ะ…
ยา Norfloxacin คืออะไร?
ยานอร์ฟลอกซาซิน (Norfloxacin) เป็นยาต้านเชื้อแบคทีเรียหรือยาปฏิชีวนะจัดอยู่ในกลุ่ม Fluoroquinolones มีใช้แพร่หลายในวงการแพทย์ โดยมากจะพบเห็นในรูปยารับประทาน ยานี้ถูกดูดซึมได้ดีจากระบบทางเดินอาหารประมาณ 30–40% และพบว่าความเข้มข้นของยาในกระแสเลือดจะมีระดับสูงสุดภายใน 1–2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยา
นอกจาก Norfloxacin แล้วยังมียาปฏิชีวนะตัวอื่นที่อยู่ในกลุ่ม Fluoroquinolones อีก อาทิเช่น Moxifloxacin, Ciprofloxacin, Levofloxacin, Ofloxacin, Gatifloxacin และ Sparfloxacin เป็นต้น
ข้อบ่งใช้ของยา Norfloxacin มีดังนี้
- รักษาการติดเชื้อหนองใน (Gonorrhea)
- รักษาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
- รักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
ทำไมถึงไม่แนะนำให้กินยา Norfloxacin หรือยาในกลุ่ม Fluoroquinolones ร่วมกับนม แคลเซียม ธาตุเหล็ก หรือยาลดกรด?
ยากลุ่ม Fluoroquinolones (Ciprofloxacin, Norfloxacin, Ofloxacin) ยากลุ่มนี้สามารถจับกับธาตุที่มีประจุ 2-3 บวก ได้ ทำให้เกิดสารประกอบเชิงซ้อนขึ้น ซึ่งสารประกอบเชิงซ้อนนี้จะไม่ถูกดูดซึม ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่ได้รับยา ดังนั้น จึงห้ามรับประทานยากลุ่มนี้พร้อมนม หรืออาหารจำพวกนม ยกตัวอย่างเช่น Ensure Neomune Blendera หรือแคลเซียม ธาตุเหล็ก และยาลดกรด เป็นต้น
แนะนำให้รับประทานยากลุ่ม Fluoroquinolones ก่อนหรือหลังอาหารจำพวกนม แคลเซียม ธาตุเหล็ก หรือยาลดกรด 2 ชั่วโมงนะคะ
นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยบางรายเกิดอาการข้างเคียงหลังรับประทานยากลุ่ม Fluoroquinolones คือ ท้องเสีย และคลื่นไส้อาเจียน เนื่องจากอาจกินตอนท้องว่าง ซึ่งส่งผลให้คนไข้ไม่ให้ความร่วมมือในการรับประทานยา เพราะทนอาการข้างเคียงไม่ไหว
แนะนำว่าให้เปลี่ยนมากินยาหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมงได้ เพื่อลดอาการข้างเคียงดังกล่าวค่ะ
ถ้าใครไปร้านยา ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหรือคลินิก แล้วได้ยา Norfloxacin หรือยาในกลุ่ม Fluoroquinolones ตัวอื่นมารับประทาน อย่าลืมระวังเรื่องการรับประทานร่วมกับอาหารที่มีนม แคลเซียม ธาตุเหล็กและยาลดกรด ด้วยนะคะ เพราะอาหารกลุ่มดังกล่าว อาจลดประสิทธิภาพของยา และทำให้ผู้ป่วยไม่หายจากโรคนั้นได้ค่ะ
เรียบเรียงโดย อยู่กับยา
แหล่งข้อมูล : หาหมอ.com, ศูนย์เภสัชสนเทศ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์